วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Why Aim star network ทำไมจึงต้อง เอมสตาร์

ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า ธุรกิจเครือข่ายนั้น ได้กลายเป็น "นวัตกรรมการตลาดแห่งอนาคต"

ผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจกันมากขึ้น
ผู้คนต้องการเปลี่ยนจาก Salesmanship สู่ Entrepreneurship ธุรกิจเครือข่ายเป็นช่องทางที่ง่ายและลงทุนน้อยที่สุด ในการก้าวไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ ประกอบกับรูปแบบของธุรกิจเครือข่ายตรงสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ที่เปลี่ยนไป พวกเขาต้องการเวลาและแผนการเงินที่อิสระ การหลุดจากกรอบการทำงานแบบออฟฟิต มาเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่ไม่ต้องเสี่ยงลงทุนผลิตสินค้าเอง เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ครับ เราจึงเป็นได้ว่า นักธุรกิจอิสระ ทุกวันนี้ไม่ใช่กลุ่มแม่บ้านที่ว่างงานดังเช่นเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามาทำอย่างจริงจังเสียมากกว่า

รายได้ที่เกิดจากการทำธุรกิจเครือข่าย สามารถเป็นมรดกให้แก่ลูกหลาน หรือเป็นเงินสะสมเอาไว้ใช้หลังเกษียณ

"สิ่งที่คุณทุ่มเททำมาจะเป็นธุรกิจของของคุณ สร้างเงินออมให้ครอบครัว และเป็นมรดกของลูกคุณอีกด้วย" โดยเครือข่ายและรายได้ทั้งหมดจะยังคงอยู่ตลอดไป

"ธุรกิจเครือข่ายจะอยู่ไปได้เรื่อยๆและจะไม่ล้มหายตายจากไปเหมือนบางธุรกิจ"

ด้วยเหตุผลที่ผมกล่าวมา บวกรวมกับผู้ประกอบการได้พัฒนาการดำเนินรูปแบบ การดำเนินธุรกิจอยู่เสมอ ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการดูแลนักธุรกิจของตน ตลอดจนกล้าที่จะฉีกตำราทางการตลาด ผสมผสานรูปแบบการตลาดใหม่ๆ เพื่อให้นักธุรกิจเครือข่ายเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย รวดเร็ว สร้างภาพลักษณ์อันดี และสร้างการรับรู้ในตราสินค้าอย่างต่อเนื่อง ปรากฏการณ์แบบนี้ ถือเป็นสัญญาณบวกอย่างดีทีเดียวสำหรับทุกท่านทีี่่คิดจะสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับตนเองด้วยธุรกิจเครือข่าย

Why Aimstar network ทำไม ผมจึงเลือก เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับตนเองและครอบครัว

ผมมีหลักเกณฑ์ ในการเลือก ธุรกิจเครือข่ายที่ดี ดังนี้ ครับ
1. เจตนาในการนำเสนอสินค้าเป็นหลัก ไม่ใช่ เจตนาให้คนนำเงินมาลงทุน
2. ค่าธรรมเนียมในการสมัครสมเหตุสมผล คนทุกระดับสามารถสมัครได้ ไม่ต้่องลงทุนสูง และต้องไม่มีการบังคับให้ซื้อสินค้าก่อนในครั้งแรกทีละมากๆเกินจริง
3. เป็นสินค้าสินเปลือง คือใช้แล้วหมดไปคุณภาพดี ราคายุติธรรรม ถ้าผู้บริโภคทดลองใช้แล้วชอบ จึงเกิดการใช้ซ้ำ โดยไม่มีการบังคับซื้อและมีการรับผิดชอบต่อผู้บริโภคเมื่อสินค้ามีปัญหา ไม่ใช่สินค้าราคาแพงกว่าท้องตลาด อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง หรือ เป็น บ.ที่มีสินค้าเพื่อเพียงการบังหน้าเพื่อฉ้อโกงเท่านั้น
4. แผนการตลาดไม่ยากเกินไป สามารถเป็นจริงได้ ผลตอบแทนยุติธรรม รายได้มาจากการทำงาน การขึ้นตำแหน่งเกิดจากการขยายทีมงาน การใช้สินค้าดีแล้วบอกต่อ ไม่มีการบังคับรักษายอด ตำแหน่งต่างๆสามารถแซงกันได้จึงไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบในคนที่สมัครทีหลัง หรือสมัครก่อน ไม่ใช่ เน้นหาคนใหม่ไปเรื่อยๆ เมื่อทำไปแล้วยอดขายไม่ถึงเป้า ก็อาจจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆเลย หรือบังคับการรักษายอดด้วยวงเงินสูงๆ ถ้ารักษายอดไม่ได้แล้วตำแหน่งถูกปลด ต้องเริ่มใหม่
5. จ่ายผลตอบแทนตามการทำงานจริง ใครทำงานมากก็ได้มาก คนที่สมัครก่อนแต่ทำงานน้อยก็จะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าคนที่สมัครหลังแต่ทำงานมาก แต่ไม่มีใครที่ทำงานแล้วไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยจากบริษัท มีการจ่ายผลประโยชน์ที่มั่นคงและชัดเจน มีหลักฐานการจ่ายเงินและเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฏหมาย
และ เนื่องจากผม เป็นอดีตนักการตลาดมาก่อน จึงขอ อธิบายวงจร ของธุรกิจ ให้เป็นความรู้เพิ่มเติม เอาแบบเข้าใจง่ายๆเลยนะครับ
วงจรชีวิตของการ ทุกสินค้า หรือทุกธุรกิจ แบ่งออกเป็น ช่วงต่างๆ ดังนี้

1.ช่วงบุกเบิก ก็คือ ช่วงของการเข้าสู่วงการ เข้าสู่ตลาด
ขอยกตัวอย่างธุรกิจเครือข่าย จะได้เห็นชัดเจนขึ้น ในปีแรก มีคนที่สนใจธุรกิจเครือข่าย หรือ พ่อทีมแม่ทีมค่ายอื่น อาจจะวิ่งเข้าไปเพื่อเป็นต้นสายติด บริษัท ระยะนี้ จะมีคนล้มเลิก มากกว่าคนที่พร้อมจะลุยต่อไปกับบริษัท อาจจะเหนื่อยเพราะต้องเปิดตลาด ให้สินค้าเป้นที่ยอมรับ ต้องรอคอย ผลการบริโภคสินค้า แล้วเห็นผล เพื่อผู้บริโภคจะทำการบอกต่อถึงสรรพคุณที่ประทับใจ
และถิอเป็นช่วงที่ คาบลูกคาบดอก เพราะคนที่ล้มเลิกไปก่อน ก็ จะบอกว่า บ.นี้ไม่ดี ทำแล้วไม่สำเร็จ (จริงๆ น่าจะเป็นจากตัวเค้าเองมากกว่า อันนี้เห็นบ่อย) ทำให้คนที่ต้องการเข้ามาศึกษาธุรกิจ มีความกลัว ไม่กล้าเข้ามาร่วมงาน หรือบางคนก็จะ ทำการสังเกตการณ์ไปกอ่น ถ้าไปรอด แนวโน้มดี จึงจะเข้าร่วม

2.ช่วงเติบโต เป็นช่วงที่ ธุรกิจนั้นๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น การเติบโตดีมาก มีตัวอย่างความสำเร็จของนักธุรกิจเครือข่ายให้เห็น สินค้าเป้นที่รู้จักและเป้นที่ยอมรับในคุณภาพ และผลลัพท์ที่ใช้
คนกว่าครึ่งที่เลิกล้มไป อาจจะกลับเข้ามาใหม่ ผู้ที่เคยสังเกตการณ์ในช่วงแรก จะเข้ามาร่วมธุรกิจ รวมถึงคลื่นลูกใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการทำงานให้อิสระมากขึ้น จะเข้ามาศึกษาธุรกิจกัน เรียกง่ายๆว่า โตวันโตคืนเลยก็ว่าได้

3.ช่วงพัฒนาธุรกิจ ในช่วงนี้ เหมารวมไปถึงการขยายสาขาไปต่างประเทศ การขยาการลงทุนในการก่อสร้าง โรงงานการผลิต หรือ ออกสินค้า นวัตกรรมใหม่ ซึ่งในหัวข้อนี้ อาจจะทำได้เรื่อยๆ เป็นช่วงที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นการแสดงศักยภาพของ บ. และทิศทางของการเติบโต ความมั่นคงของนักธุรกิจเครือข่ายนั้นๆ ให้ขยายองค์กร และเติบโตได้เร็วขึ้น และ บ. แสดงศักยภาพในด้านการค้นคว้าเทคโนโลยี และการประกาศตัวในความเป็นมืออาชีพที่พร้อมจะพัฒนาไปอย่างไม่หยุดนิ่ง ช่วงนี้ คนจะหลั่งไหลเข้ามามากกว่าช่วงเติบโต เสียอีก และถ้ารักษาความเป็นเลิศไว้ได้ แน่นอน ไม่มีวันไปสู่ช่วงที่ 4 แน่นอน

4.ช่วงตกต่ำ หากธุรกิจใด ไม่มี ช่วงพัฒนาธุรกิจแล้วล่ะก็ แน่นอน วงจรชีวิตคงกระโดดข้ามมาสู่ ช่วงตกต่ำเลยทันที สมาชิกก็หาย บ.อาจจะไม่ปิด แต่คงต้องกลับไปวางแผน ปรับกลยุทธ์ กันใหม่เพื่อออกมาลุย อีกครั้ง

5.ยุคตายแล้วฟื้น ตายแล้วเกิดใหม่
ตัวอย่างเช่น บ.เครือข่าย บางแห่ง หลังจากกลับไปปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ บางที่ก็เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนแผนการจ่าย แล้วออกมาทำตลาดใหม่อีกครั้ง โดยนำเสนอข้อดี ต่างนานา ก็ สามารถ พบเห็นได้ ในโดลกธุรกิจออนไลน์ ณ วันนี้ (แต่ผมไม่ขอเอยนาม ครับ)

คำถามคือ แล้ว เราควรจะเข้าร่วมกับ บ.เครือข่าย ใน ช่วงเวลาไหนจึงจะเหมาะสมที่สุด สำหรับอดีตนัการตลาดอย่างผม หลังจากที่เป็นนักสังเกตการณ์อยู่ 3 ปีกว่า กับ ธุรกิจเครือข่าย บ.เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค คงไม่มีเวลาไหนดีเท่ากับช่วงเวลานี้อีกแล้วครับ (ผมการันตี) เพราะต่อให้คุณอยู่ถูกที่ แต่ไม่ถูกเวลา คุณอาจจะต้องเหนื่อยหน่อย เหนื่อยหนัก และเหนื่อยนาน แทนที่จะเหนื่อยในเวลาเพียงสั้นๆแต่สบายไปตลอด คุณว่าจริงมั้ยล่ะครับ

ด้วยแผนการขยายสาขาในประเทศ และ ปีนี้ เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค วางแผนเปิดสาขาใหม่ในต่างประเทศ ประเทศสหรัฐอเมริกา และอินเดีย และการขยายกำลังการผลิต ก่อสร้างโรงงานเพื่อทำการผลิตเองด้วย และ สร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ นี่ยังไม่รวมการ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาทุกเดือน คงต้องยกนิ้วให้สำหรับความชัดเจน ในวิสัยทัศน์ของผู้บริหารจริงๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้นำ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้นักธุรกิจเครือข่ายเอมสตาร์ ขับเคลื่อนพลังเครือข่ายที่แท้จริงได้เต็มกำลัง

ถ้าวันนี้คุณ กำลังมองหา บ.เครือข่ายที่คุณจะเข้าร่วมเพื่อสร้างรายได้และฝากอนาคตให้กับครอบครัว ลองเอาหลักเกณฑ์การพิจารณาดีๆ จาก ผมไปใช้นะครับ คำตอบของทุกท่านอาจเป็นคำตอบเดียว กับ ผมก็ได้ครับ


หลายท่านเคยได้ยิน ประโยคที่ว่า ถูกที่ ถูกเวลา แต่ไม่ถูกทีม เสียหายยับเยิน มั้ยครับ

แล้วสิ่งสำคัญนอกจาก บ.เครือข่ายที่คุณจะเข้าร่วมแล้ว ยังมีอะไรที่จะเป็นสิ่งผลักดันคุณไปสู่ความสำเร็จอีกมั้ย แน่น่อนครับ ต้องมี ทีมงานที่จะช่วยดูแลคุณ ตลอดเส้นทางสู่ความสำเร็จ อ่านได้ ใน บทความต่อไปนะครับ

Why Network Marketing ทำไมต้องธุรกิจเครือข่าย

ก่อนอื่น ทุกท่านคงต้องทราบว่า ทำไมเราทุกท่านจึงควรทำธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing) มีวิวัฒนาการอย่างไร

จริงแล้ว คำว่า Network Marketing หมายถึง การตลาดเครือข่าย มีที่มาจาก คำว่า MLM เพียงแต่ด้วยยุคที่มันเปลี่ยนไป เป็นยุค network วงการธุรกิจเครือข่าย จึงเปลี่ยนมาใช้ คำว่า ธุรกิจเครือข่าย แทน MLM
ซึ่งความหมายเดียวกัน

MLM คืออะไร ? / MLM ให้อะไร ? / MLM เหมาะกับใคร ? / ทำไมต้อง MLM ?

MLM ย่อมาจาก Multi Level Marketing (ระบบการตลาดซ้อนหลายชั้น หรือเรียกสั้นๆ ในบ้านเราว่าธุรกิจเครือข่าย)

MLM คือ ระบบ การวางแผนการตลาด การค้ารูปแบบหนึ่ง ซึ่งส่วนมากมองข้ามไปเป็นวิวัฒนาการของการคิด การค้า แบบให้ผลตอบแทนหลายชั้น หลายระดับ คอนเซปง่ายๆ คือใช้ดีแล้วบอกต่อ (เหมือนคุณไปดูหนัง 1 เรื่อง หนังสนุกจึงไปแนะนำให้เพื่อนดู ...โรงหนังไม่ได้ให้ค่าตอบแทนคุณ แต่ธุรกิจเครือข่ายให้ค่าตอบแทนที่คุณช่วยแนะนำ) ทั่วไปมักมองว่าเป็นลูกโซ่ หรือปิรามิด ถ้าลองศึกษาลงไปจะเห็นว่าเป็นระบบที่ดี ตัวอย่างการมอง อยู่ว่าเรามองอย่างไรหลายคนมองว่า คนมาก่อนได้เปรียบ คนอยู่บนเอาเปรียบ ท่านลองมองระบบงานปัจจุบันครับ

• งานราชการ เป็นปิรามิดที่ชัดเจนที่สุด คือ มี ระดับชั้น ของ ข้าราชการ เช่นมี ซี 1,2,3,4..... อย่างนี้เป็นปิรามิดไหมครับ มี C1 จำนวนมาก C2 ก็มีน้อยลง จนถึง C11 มีกี่คน
• บริษัททั่วไป ถ้าเราเข้าไปเช่น เริ่มจาก พนักงานขาย การจะได้เป็น รองหัวหน้าหน่วย ต้องใช้เวลา และมีรองหัวหน้าหน่วยกี่คน หัวหน้าหน่วยล่ะ อาจมี ซุปเปอร์ไวเซอร์ แล้วมีได้กี่คน และต้องการเป็นผู้จัดการล่ะ มีได้กี่คน
• แต่ธุรกิจเครือข่ายนั้น ถึงจะมาทีหลังทำมากกว่า ขยันมากกว่าก็สามารถแซงรายได้คนมาก่อนได้ นี่แค่เขียนถึงระบบโดยกว้างๆนะครับ ถ้าเจาะลึกลงไป ยังมีสิ่งที่เราอาจขำไม่ออก เช่น วันนี้เราได้งานเป็น พนักงานขายพร้อมด้วยเพื่อนรักเราคนหนึ่งที่พร้อมตายแทนเราได้ ผ่านไป 5 ปี เราและเพื่อนต่างขยันขันแข็งทำงานได้ดีมาก บริษัทเปิดโอกาส ให้เราเลื่อนตำแหน่ง เป็นผู้จัดการ แต่ผู้จัดการมีได้กี่คนครับ ส่วนมากหนึ่งเดียว

ท่านคิดอย่างไร
--> ให้เพื่อนเป็นไปก่อน แต่ผลงานเราดีกว่าเพื่อนอยู่นิดหน่อย
--> เราเป็นเองดีกว่า (แล้วเพื่อนท่านล่ะคิดอย่างไร)
อย่า เพิ่งดีใจครับ ปรากฎว่า หลายชายเจ้าของ จบโท มาจากเมืองนอกทางด้านการตลาด ได้เป็นผู้จัดการ ในขณะที่คนทุ่มเททำงานมาแทบตาย 5 ปียังอยู่ที่เดิม และคุณเคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ด้วยตัวเองหรือเพื่อนเล่าให้ฟังบ้างไหม? (คำตอบ คือ..............) นี่แค่ตัวอย่างเดียวเท่านั้นครับ

MLM ให้อะไร ใช่เรื่องแรกต้องควรรู้ก่อนว่าให้อะไร ใช่ไหมครับ จะได้ใช้เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ จากการศึกษาถึงระบบ MLM สิ่งได้พบจุดเด่น ของระบบนี้ คือ

• ความเท่าเทียม หรือ โอกาสในการสร้างธรุกิจ(รายได้) ไม่ว่าคุณจะจบอะไรมาก็ตาม
• ไม่จำกัดรายได้ ทำงานมากได้รายได้มาก ทำงานน้อยได้รายได้น้อย ไม่ทำก็ไม่ได้ มาก่อนมาหลังจึงไม่สำคัญ
• ไม่จำกัดเวลาทำงาน จะตื่นมาทำงานกี่โมงนั่นแล้วแต่วินัยของตัวคุณเอง อาจจะตื่นบ่ายโมงทำงานถึงเที่ยงคืนคุณก็กำหนดเอาเอง

ข้อเสีย คนไม่เข้าใจแล้วนำไปคิดเองโดยไม่ศึกษา และนำไปถ่ายทอดแบบไม่ถูกต้อง


MLM เหมาะกับใคร? เรื่องนี้บอกได้อย่างเดียวว่า เหมาะ สำหรับใครก็ตามที่ต้องการสร้างธุรกิจ เพราะ MLM คือการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค ใครสร้างได้มากย่อมมีรายได้มาก ในความเห็นส่วนตัว ผมว่าน่าที่จะสร้าง ธุรกิจ MLM ไว้สำรองรายได้ ถึงท่านจะทำอะไรอยู่ก็ตาม เพราะ MLM ไม่มีต้นทุนเพิ่ม มีแต่ รายได้เพิ่ม (ถ้าคุณทำ)
และจากทั้งหมดนี้ ท่านว่าทำไมต้อง MLM พอจะได้คำตอบไหมครับ?


ผมขอสรุปให้ทุกท่านได้เข้าใจง่ายขึ้นดังนี้ครับ

ธุรกิจเครือข่ายที่ดี : เจตนาในการนำเสนอสินค้าเป็นหลัก ค่าธรรมเนียมในการรับสมัครสมเหตุสมผล คนทุกระดับสามารถสมัครได้ ไม่ต้องลงทุนสูง เป็น สินค้า ใช้แล้วหมดไป คุณภาพดี ราคายุติธรรม ถ้าผู้บริโภคทดลองใช้แล้วชอบจึงเกิดการซื้อซ้ำ โดยจะไม่มีการบังคับซื้อ และมีการรับผิดชอบผู้บริโภคเมื่อสินค้ามีปัญหา แผน การตลาดไม่ยากเกินไป สามารถเป็นไปได้จริง ผลตอบแทนยุติธรรม รายได้มาจากการทำงาน การขึ้นตำแหน่งเกิดจากการขยายทีมงาน การใช้สินค้าดีแล้วบอกต่อ ไม่มีการบังคับรักษายอด ตำแหน่งต่าง ๆ ขึ้นแล้วไม่มีการตกหรือปลด และสามารถแซงกันได้ จึงไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบในคนที่สมัครทีหลัง หรือสมัครก่อน จ่าย ผลประโยชน์ตามการทำงานจริง ใครทำงานมาก ก็ได้มาก คนที่สมัครก่อนแต่ทำงานน้อย ก็จะได้ผลประโยชน์น้อยกว่าคนที่สมัครทีหลัง แต่ทำงานมาก แต่ไม่มีใครที่ทำงานแล้ว ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยจากบริษัท มีการจ่ายผลประโยชน์ที่ชัดเจนและมั่นคง มีหลักฐานการจ่ายเงิน และเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Why E-leader Group ทำไมต้องทีม E-leader



จากบทความที่แล้ว ทุกท่านที่สนใจ สร้างรายได้ จากการ Work at home online และการทำธุรกิจเครือข่าย โดยการทำการตลาด ขยายเครือข่าย ทางอินเตอร์เน็ต คงได้เข้าใจหลักเณฑ์ ในการพิจารณา ธุรกิจเครือข่ายที่ดี และได้ทราบที่มาที่ไป วิวัฒนาการ ของ การตลาดออนไลน์ และการตลาดดึงดูดกัน และหลักเณฑ์และความสำคัญในการเลือกทีมงานที่ท่านจะเข้าร่วม มากขึ้นแล้ว
ท่านควรมี ระบบการทำงานออนไลน์ และโค๊ชที่ดี
คุณธรรม และ ความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับการทำธุรกิจเครือข่าย แบบวิธีออนไลน์

หัวใจของการทำธุรกิจเครือข่าย นั้น อยู่ที่การ เทรนนิ่ง Training การสอนงาน การส่งต่อความรู้ ทั้งทีมงานต้องมีความรู้เช่นเดียวกับการโคลนนิ่ง นักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์คุณภาพออกมาสู่ตลาดออนไลน์เลยทีเดียว

ระบบเป็นส่วนนึงที่ช่วยย่อระยะเวลาในการทำงานด้วย เพราะเทคโนโลยีสามารถนำมาเป็นเครื่องมือนึง ที่ช่วยทำงานแทนเราได้ดีที่สุด


ปัจจัย หลัก คือ ท่านกำลังมองหา ทีมงานสร้างนักธุรกิจออนไลน์คุณภาพอยู่ใช่หรือไม่ และที่สำคัญคือ ท่านต้องการทีมงาน และระบบ และผู้ดูแลท่านไม่ว่าท่านจะมีพื้นฐานมากน้อยหรือไม่มีพื้นฐาน ประสบการณ์การทำงานออนไลน์เลย ใช่หรือไม่


E-leader Group เป็นกลุ่มนักธุรกิจมีประสบการณ์การทำธุรกิจเครือข่ายในรูปแบบออนไลน์ ที่ นำระบบการทำงาน และสอนงาน โดยประยุกต์วิธีของต่างประเทศ มาประยุกต์และพัฒนาให้เหมาะสมกับการทำงานเครือข่าย ในรูปแบบออนไลน์ โดยมี วิสัยทัศน์ในการสร้างนักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์มืออาชีพ คุณภาพออกสู่ตลาดออนไลน์ โดยมีจรรยาบรรณ และจริยธรรมในการดำเนินงาน และสอนให้สมาชิก สามารถสร้าง และใช้เครื่องมือออนไลน์ได้จริง ถ่ายทอดทั้ง ทฤษฎี และปฏิบัติจริง ภายใต้ระบบการเรียนรู้อัจฉริยะ อัตโนมัติ และทีมงานที่พร้อมดูแล คุณ ตลอดเส้นทางสู่ความสำเร็จ

อะไรที่ E-leader Group แตกต่าง
• ระบบการทำงาน
• ความเป็นยูนิตี้ น้ำหนึ่งใจเดียว และสายสัมพันธ์ ในองค์กร
• การเป็นผู้ให้ ก่อนเป็นผู้รับ
• วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้ง
• การพัฒนาระบบเหนือกว่าคู่แข่งตลอดเวลา
• การสร้างนักธุรกิจเครือข่ายมืออาชีพสู่ตลาด
ตอนนี้ทุกท่าน คงสงสัย ว่า ทำไม ผมจึงไม่อธิบาย รายละเอียดความแตกต่าง..เพราะสิบปากว่า ไม่เท่า ท่านได้สัมผัสเอง (จริงมั้ยครับ)

เพราะฉะนั้น เชิญพิสูนจ์เองเถอะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสี่ยงนะครับ เพราะถ้าของเค้าไม่ดีจริง ผมก็คงไม่กล้าเชิญทุกท่านมาทดสอบ หรอกครับ

ผมเคยพบ คนที่พูดเก่ง โน้มน้าวเก่ง แต่พอเอาเข้าจริง ไม่มีอะไรเลยที่จะนำพา สมาชิก และทีมงานไปสู่ความสำเร็จได้ มีแต่ คำโฆษณา ชวนเืชื่อ และนี่ยังไม่รวมคนที่ชอบเอาประสบการณ์คนอื่นไปเรียนรู้ แล้วว่าตัวเอง รู้ลึกรู้จริง (แต่รู้คนเดียวถ่ายทอดให้ใครไม่ได้น่ะครับ แถมบางคนเอาไปถ่ายทอดแบบสร้างภาพตัวเองดี คนที่มีความรู้น้อยกว่าก็เชื่อไปเต็ม) ซึ่ง คนเหล่านี้แหละครับ ที่มีส่วนทำให้ สังคมออนลไน์ เสื่อมความน่าเชื่อถือ ทำให้คนดีๆ รุ่นใหม่เข้่าใจผิด (พอพูดเรื่องนี้ที ไร อารมณ์เสียทุกที)

ซึ่งวันนี้ ผม และเพื่อนที่มากความสามารถ อีก 2 คน ได้นำความรู้และความสามารถ รวมถึงประสบการณ์ต่างๆที่มี มาสร้าง ทีม E-leader เพื่อถ่ายทอด ความรู้และวิธีการทำงานออนไลน์ให้ถูกต้อง บนพื้นฐานความจริงและ จรรยาบรรณที่นักธุรกิจออนไลน์ คุณภาพตัวจริง พึงมีและถือปฏิบัติ เราพัฒนาตัวเอง เรียนรู้เพิ่มเติม และนำมาถ่ายทอดให้กับสมาชิกของเราเพื่อพัฒนาศักยภาพร่วมกันทั้งองค์กรอยู่เสมอ จึงไม่น่าแปลกเลยที่ เราสามารถรักษาสมาชิกในองค์กรของเราได้อย่างยั่งยืน สามารถสร้างผู้นำเลือดใหม่ คุณภาพได้ รวมทั้งมีผุ้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตัวเองและส่งต่อความรู้จากรุ่นสู่รุ่นได้จริง และอัตราการเจริญเติบโต สูงขึ้นต่อเนื่อง
คุณภาพของผู้นำ นักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ E-leader คือ สิ่งที่เราใส่ใจ มากที่สุด
เพราะทุกคน คือสมาชิก ของครอบครัวนักธุรกิจออนไลน์มืออาชีพ ที่ชื่อว่า
E-leader

นักธุรกิจเครือข่ายยบนโลกออนไลน์

ผมมีตัวอย่างนักธุรกิจเครือข่าย 3 แบบในโลกธุรกิจออนไลน์ ที่มีความโดดเด่นชัดเจน แตกต่างกันไป และแน่นอนว่า การพยายามหลอมรวมทุกวิธีการเข้าไว้ที่ตัวเราเพียงคนเดียว อาจกลายเป็นความล้มเหลว สู้คนที่เจาะจงชัดเจนไปเลยว่า ตัวเองถนัดอะไรในโลกออนไลน์ ไม่ได้ เพราะการเจาะจงชัดเจนว่าตัวเองถนัดอะไร จะทำให้ เกิดความโดดเด่น ในโลกออนไลน์ ได้มากกว่าการพยายามเก่งกาจในทุกวิถีทางครับ

นักธุรกิจเครือข่ายทั้ง 3 แบบ มีดังนี้ครับ

1. มนุษย์ไฮเทค
นักธุรกิจเครือข่ายกลุ่มนี้ จะถนัดมากในเรื่องเทคโนโลยี เก่งกาจด้านการสร้างเว็บไซต์และวิเคราะห์สถิติ พวกเขาสามารถทำอะไรได้มากมายในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีความรู้ในแบบที่พวกเขามี แต่สิ่งที่พวกเขาขาดไป คือ การติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพราะพวกเขาถนัดเรื่องการใช้เครื่องไม้เครื่องมือไฮเทคมากกว่า ถ้าคุณเป็นคนกลุ่มนี้ คุณควรมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาตัวเองให้เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือการตลาดไฮเทค เช่น การโฆษณาบน google แบบที่เรียกว่า pay-per-click ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์สถิติ การวัดผลโฆษณา แล้วนำเอาข้อมูลที่ได้ มาปรับแต่งให้การโฆษณาได้ผลดีกว่าเดิม ซึ่งข้อได้เปรียบก็คือ คุณจะสามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมาก เข้ามาหาคุณได้ทันที แต่หากคุณไม่ถนัดที่จะสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้คนที่เข้ามา คุณควรเลือกธุรกิจเครือข่าย ที่ไม่เน้นการพัฒนาความสามารถของเพื่อนร่วมทีมมากนัก แต่เน้นที่จำนวนคนเข้าร่วมมากกว่า

2. นักสร้างสรรค์
นักธุรกิจเครือข่ายกลุ่มนี้ ชอบที่จะสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ๆ และให้ข้อคิดดีๆกับผู้คนในโลกออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ พวกเขาชอบที่จะเขียนบทความและใช้วิดีโอเป็นสื่อ พวกเขาชอบที่จะคิดคอนเซ็ปท์ สร้างไอเดียใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง และมักจะเป็นพวกชอบขีดเขียน เช่น ชอบเขียน blog ส่วนตัว และมีเรื่องราวใหม่ๆมาเล่าให้ผู้อื่นฟังอยู่เสมอ พวกเขามั่นใจในความรู้ที่มี และยินดีช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่นผ่านทางบทความที่พวกเขาเขียนขึ้น หากคุณเป็นคนกลุ่มนี้ คุณควรมุ่งเป้าไปที่ การดึงดูดผู้คนด้วยบทความและเนื้อหาที่คุณเขียน และติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ต ด้วยการส่งมอบเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้อื่นสามารถนำความรู้ที่ได้จากคุณไปประยุกต์ใช้กับชีวิตและการทำงาน ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก ที่จะทำให้ผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ต จดจำคุณในฐานะ ผู้นำ และต้องการเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณอย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจเครือข่ายของคุณ เติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแรงมากกว่าวิธีอื่น หากคุณเป็นคนกลุ่มนี้ คุณควรเลือกธุรกิจเครือข่ายที่เน้นการพัฒนาทักษะของผู้คนในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่า ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ ก็คือ ความสำเร็จและความมั่งคั่ง ที่นำพาคุณไปสู่ชีวิตที่เกษียณได้อย่างแท้จริงนั่นเอง

3. นักนิยมสังคมออนไลน์
นักธุรกิจเครือข่ายกลุ่มนี้ คือกลุ่มที่สามารถใช้เวลาได้เป็นวันๆกับการพูดคุยกับผู้คนบนเว็บ Social Network อย่างเช่น facebook และ twitter ซึ่งปกติแล้วพวกเขามักจะมีเว็บ Social Network ที่พวกเขาชื่นชอบเป็นพิเศษอยู่ไม่เกิน 1-2 เว็บ ซึ่งพวกเขาจะใช้เวลาอยู่บนเว็บนี้นานที่สุด และจะเข้ามาเช็คความเคลื่อนไหวบนเว็บบ่อยยิ่งกว่าการเช็คอีเมล์เสียอีก พวกเขาคือกลุ่มคนที่เกาะติดสถานการณ์ รู้ทุกความเคลื่อนไหวใน Social Network นั้นๆ และผู้คนจะรับรู้เหตุการณ์ต่างๆใน Social Network ได้จากข้อความที่เขาอัพเดทในโปรไฟล์ของเขาตลอดเวลา หากคุณเป็นคนกลุ่มนี้ คุณควรมุ่งสร้างกลุ่มเพื่อนใน Social Network อันใดอันหนึ่งให้ชัดเจนไปเลย และมุ่งพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ที่มีความโดดเด่น เป็นผู้กว้างขวางใน Social Network ที่คุณสถิตอยู่ และอุทิศตัวเองให้กับการสร้างสังคมเพื่อนออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆใน Social Network นั้นอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งผู้คนใน Social Network ยอมรับนับถือในตัวคุณ และยกให้คุณเป็นผู้นำใน Social Network นั้น

ทั้ง 3 กลุ่มนี้ คือ ตัวอย่างของนักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเขาเองได้อย่างชัดเจน และสามารถสร้างเครือข่ายของเขาในโลกออนไลน์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

หากคุณพึ่งเริ่มต้นในโลกอินเตอร์เน็ต ลองถามตัวเองว่า คุณใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการทำอะไร เช่น คุณชอบเข้า facebook เพื่อพูดคุยกับเพื่อนใหม่ๆ หรือ คุณชอบเขียนและอัพเดท blog ของคุณเป็นประจำ หรือว่า คุณชอบวิเคราะห์ข้อมูล ชอบอยู่กับตัวเลข ชอบลองเล่น software ใหม่ๆ มากกว่าพูดคุยกับผู้คน

คุณชอบทำแบบไหนมากกว่ากันครับ ?

หากคุณเลือกได้แล้วว่าชอบแบบไหน ให้เริ่มต้นที่การมุ่งพัฒนาความชอบนั้น จนกลายเป็นทักษะและความชำนาญ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าคุณจะเลือกเป็นคนกลุ่มไหนใน 3 กลุ่มที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้ ลงลึกในการผู้เชี่ยวชาญของแต่ละกลุ่มทั้งสิ้น

จนกว่าจะถึงวันที่คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ คุณมีแต่ต้องเริ่มต้นที่ วันนี้ เท่านั้นแหละครับ

รายได้เสริมผ่านเน็ต


ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจ MLM ธุรกิจ Franchise หรือธุรกิจอะไรก็ตามที่ต้องการการสมัครคน หรือต้องสร้างเครือข่ายผู้บริโภค และไม่ว่าจะเป็น Online หรือ Offline ทุกๆท่านนะครับ
เรามาเริ่มทำความเข้าใจกับธุรกิจออนไลน์กันก่อนดีกว่านะครับ แล้วจะได้ทราบกันว่าทำไมผมถึงได้เน้นมาที่ธุรกิจออนไลน์ ไม่เน้นไปที่ธุรกิจ Offline เพราะเนื่องมาด้วยข้อได้เปรียบที่เป็นข้อดีหลายๆประการ เช่น

1. อยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ไม่จำกัดสถานที่ เวลา สภาพภูมิประเทศ ซึ่งทำให้มีความอิสระเป็นอย่างมาก และเป็นข้อที่ผมชอบมากที่สุด เพียงแค่คุณมีคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องกับอินเตอร์เน็ต หรือจะใช้ PDA ที่สามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้ก็สามารถทำงานได้แล้ว ซึ่งในบางครั้งผมก็ไม่ต้องหิ้วเครื่องคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คก็ได้ เนื่องด้วย Internet Cafe เดี๋ยวนี้มีอยู่ทุกหนทุกแห่งแล้ว ก็ทำให้สามารถไปไหนมาไหนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อะไรเลย เดินเข้าร้านเน็ตทำงานสัก 1 ชั่วโมง ก็ใช้ค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 10 บาทเท่านั้นเอง ลองนึกภาพดูเล่นๆนะครับว่าถ้าหากท่านเปลี่ยน Office ที่ท่านนั่งทำงานเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ บนชายหาดเกาะช้าง พออีกวันก็ไปนั่งทำงานบนหลังช้างชมป่าไปด้วย หรือนั่งสบายๆ อยู่ที่บ้านใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวก็สามารถทำงานได้มันคงจะดีไม่ใช่น้อยใช่ ไหมครับ

2. ไม่มีข้อจำกัดเรื่องระยะทาง คุณสามารถพูดคุยกับเพื่อนของคุณที่อยู่เชียงใหม่ได้ โดยที่ท่านอยู่ที่เกาะลันตา หรือแม้กระทั่งอยู่ที่ฮาวายก็ตาม นั้นหมายความว่าผมหรือที่ปรึกษาธุรกิจทุกๆท่านก็สามารถช่วยเหลือท่านได้โดย ไม่ต้องขับรถไปหาท่านเลย

3. ลดภาระค่าใช้จ่ายหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำมัน ค่าชุดการแต่งกาย ฯลฯ โดยเฉพาะค่าจัดการ Office ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะต่างๆ

4. ระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาสามารถทำงานได้ 7 วันใน 1 สัปดาห์ และ 24 ชั่วโมงใน 1 วัน พูดให้ฟังง่ายๆคือได้ตลอดเวลานั้นเอง โดยที่ใช้เวลาในการทำงานเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

5. ในโลกไซเบอร์หรือออนไลน์นี้ เป็นแหล่งชุมนุมของผู้คนจำนวนมาก ทำให้สามารถหารายชื่อผู้มุ่งหวังได้เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ทำธุรกิจเครือข่าย MLM Franchise หรือธุรกิจอะไรก็ตามที่ต้องการการสมัครคน หรือต้องสร้างเครือข่ายผู้บริโภค ได้ไม่ยากมากนัก เพียงแต่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจกับโลกออนไลน์ และธุรกิจออนไลน์สักหน่อยเท่านั้นเอง ในการเลือกก็ต้องเน้นที่ทีมงาน ผู้แนะนำที่ค่อนข้างมีความรู้ในด้านนี้มากหน่อยเพื่อที่จะได้สอนงานด้านนี้ เราได้จริงๆ

6. ท่านลองนึกกันดูบ้างนะครับ ผมให้แนวความคิดแค่ 5 ข้อพอ ใครว่ามีข้อดีอะไรอีกลองมาแบ่งปันกันบ้างนะครับ แล้วพบกับหัวข้อถัดไปเร็วๆนี้

ระบบดึงดูดอัตโมัติ

ระบบดึงดูดอัตโนมัติ น้ัน คำนึงถึงปัญหาเรื้อรังในธุรกิจเครือข่ายเป็นอันดับแรก นั่นคือ การถูกจำกัดอยู่แต่เพียง รายชื่อคนรู้จัก และแม้แต่ถ้าจะลงโฆษณาเพื่อขยายกลุ่มผู้มุ่งหวัง ก็ต้องเสี่ยงกับการที่งบโฆษณาบานปลาย และได้ไม่คุ้มเสีย ผู้ที่ทำธุรกิจเครือข่ายด้วยวิธี ลิสต์รายชื่อชวนคน จึงมีเพียงจำนวนน้อยทประสบความสำเร็จ แต่ส่วนใหญ่มักล้มเลิกไปก่อน เพราะไม่อาจก้าวข้ามข้อจำกัดในใจของตัวเองได้ ข้อจำกัดนั้น เราเรียกว่า Comfort Zone ครับ Comfort Zone คือ ความเคยชินส่วนตัวที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ และเรามักไม่อยากเปลี่ยน ซึ่งแต่ละคนจะมีต่างกันไป บางคนเคยชินกับการที่มีคนยกย่องชื่นชม แต่เมื่ิอมาทำธุรกิจเครือข่าย กลับเจอแต่คนตำหนิติเตียน ก็เกิดอาการรับไม่ได้ขอกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมที่มีแต่คนยกย่องดีกว่า หมายความว่า ขอกลับไปอยู่ใน Comfort Zone หรือพื้นที่ส่วนตัวที่คุ้นชินอย่างเดิมดีกว่า บางคนรู้สึกว่าทุ่มเทเวลาและเงินทองกับธุรกิจเครือข่ายมาหลายเดือน ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ก็เริ่มเปรียบเทียบกับประสบการณ์เดิมที่ตัวเองคุ้นชิน เช่น เริ่มคิดว่า ถ้าเอาเวลาไปทุ่มเทให้กับการทำโอที ป่านนี้ก็ได้เงินเพิ่มเดือนละหลายพันแล้ว ไม่เห็นต้องมาลำบากอะไรอย่างนี้ เลิกทำธุรกิจเครือข่าย แล้วเอาเวลาไปทำโอทีดีกว่า..
มีเหตุผลสารพัด ที่เราบอกกับตัวเองว่า ชีวิตแบบที่เคยชิน มันก็ดีอยู่แล้ว จะมาเสียเวลาทำธุรกิจเครือข่ายที่มองไม่เห็นอนาคตไปทำไม แม้จะเห็นกับตาว่า มีคนตั้งมากมายที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย แต่เราก็จะบอกกับตัวเองว่าเป็นเพราะคนพวกนั้นเก่งกว่าเรา ดวงดีกว่าเรา หรืออะไรอีกหลายๆอยางที่ดีกว่าเรา สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ล้มเลิกไปจากธุรกิจเครือข่าย ก็เพราะไม่สามารถก้าวข้าม Comfort Zone ในใจของตัวเองได้นี่แหละครับ
การออกแบบ ระบบดึงดูดอัตโนมัติ จึงต้องคำนึงถึงเรื่อง Comfort Zone ของแต่ละคนด้วย คือ ทุกคนต้องสามารถใช้ระบบได้โดยง่าย และต้องไม่ฝืน Comfort Zone ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย การจะทำอย่างนั้นได้เราต้องให้ ระบบดึงดูดอัตโนมัติ ช่วยจัดการงานพื้นฐานแทนเราได้ทั้งหมด เช่น
- ช่วยดึงดูดผู้มุ่งหวังที่มีศักยภาพจากทั่วทุกมุมโลก และนั่นหมายถึงคุณไม่จำเป็นต้อง ลิสต์รายชื่อคนรู้จักอีกต่อไป
- ช่วยสร้างระบบติดตามผลอัตโนมัติ ซึ่งหมายถึง คุณไม่ต้องโทรตามตื๊อผู้มุ่งหวังอีกต่อไป
- ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานเสมือนจริง เพื่อให้ทีมงานทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้แม้จะอยู่กันคนละซีกโลก
- ช่วยให้คุณและดาวน์ไลน์ของคุณสามารถสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยสร้างกำลังใจให้ดาวน์ไลน์อย่างมาก
- ช่วยให้ดาวน์ไลน์ของคุณ copy วิธีการทำงานของคุณได้ง่าย และถ่ายทอดให้ดาวน์ไลน์ของพวกเขาได้ง่ายเช่นกัน
ท้ังหมดนี้ คือ งานหลักที่ระบบดึงดูดอัตโนมัติ สามารถทำแทนเราได้แล้วเราเหลืองานอะไรบ้างล่ะที่ต้องทำด้วยตัวเอง งานที่เราต้องทำด้วยตัวเองนั้น "สำคัญมาก" เพราะไม่มีวันที่เทคโนโลยีใดๆจะช่วยทำแทนเราได้ งานน้ันคือ "การพัฒนาบุคลิกภาพและทักษะในการสื่อสาร" เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็น "ผู้นำที่มีศักยภาพ" ครับ
น่ันแหละครับ คือ งานที่เหลือของคุณ และมันคือ "แรงดึงดูดที่แท้จริง" ของคุณด้วยครับระบบดึงดูดอัตโนมัติ ช่วยให้เราทุกคนสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่าย และเท่าเทียมกันก็จริงอยู่แต่มันไม่ได้การันตีว่า คุณจะสามารถประสบความสำเร็จสูงสุดได้ในธุรกิจเครือข่ายเพราะการที่คนเราจะประสบความสำเร็จสูงสุดในธุรกิจเครือข่ายได้น้ัน การพัฒนาตัวเองเพื่อเป็นผู้นำที่มีศักยภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หากคุณต้องการให้ผู้คนทั้งหลาย ยินดึติดตามคุณ และพร้อมที่จะสนับสนุนคุณทุกเมื่อ ไม่ว่าคุณจะ ทำอะไรก็ตาม
ระบบดึงดูดอัตโนมัติ ไม่ได้เป็นเพียงแค่วิธีแก้ปัญหา หากแต่มันคือ คุณค่าใหม่ที่จะถูกส่งมอบให้กับนักธุรกิจเครือข่ายรุ่นต่อๆไปของเรา เพื่อสร้างรากฐานให้กับวัฒนธรรมองค์กรของพวกเราต่อไปในอนาคตครับ
ท้ังหมดนี้ คือ ความสำคัญของ ระบบดึงดูดอัตโนมัติ หรือ Auto Attraction System ที่มีต่อนักธุรกิจเครือข่าย โดยเฉพาะผู้ที่ยังรู้สึกว่า การทำธุรกิจเครือข่ายในแบบเดิมๆนั้น เป็นสิ่งที่ฝืน Comfort Zone ของตัวเองเป็นอย่างมาก คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด หรือรู้สึกมีปมด้อยอีกต่อไป เพราะ ระบบดึงดูดอัตโนมัติ สามารถช่วยทำงานแทนคุณได้ถึง90% ที่เหลืออีก 10% นั้น คือส่วนที่คุณต้องจัดการเอง ซึ่งผมเชื่อว่า ไม่ยากเกินความสามารถของคุณครับ
คิดว่าทุกคนคงอยากรู้แล้วว่า ระบบดึงดูดอัตโนมัติ ถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร และมันประกอบด้วยอะไรบ้าง โปรดติดตามในบทความต่อไป

สร้างแรงดึงดูด


การสร้างแรงดึงดูด
..ไม่ใช่วิ่งไปสู่เป้าหมาย..
..แต่ตัวคุณเองนั่นแหละคือเป้าหมาย..
..เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเป้าหมาย..
..เพื่อพวกเขาจะได้วิ่งเข้ามาหาคุณ..
ใช่แล้วครับ “แรงดึงดูด” คือ การเปลี่ยนตัวเอง ให้กลายเป็น "เป้าหมาย" ของผู้อื่นครับ
..เคยเห็นกลุ่มเด็กสาววัยรุ่น ที่ไปนั่งรออยู่แถวสนามบิน เพื่อขอถ่ายรูปคู่กับดารา
เกาหลีม้ัยครับ
เด็กสาวเหล่าน้ัน.. ต้องมาน่ังรออยู่หลายช่ัวโมง... บางทีก็เป็นวัน
แต่พวกเธอก็ไม่ย่อท้อ เพราะเป้าหมายของเด็กๆกลุ่มนี้ชัดเจน คือ การไปให้ถึงตัว
พระเอกเกาหลีคนนั้น
เพื่อขอถ่ายรูปคู่กับ ”พระเอกในฝัน” ให้จงได้
ซักคร้ังหนึ่งในชีวิต ก็ยังดี…
……………………..
มนุษย์ทุกคน...ล้วนแล้วแต่วิ่งเข้าหา...เป้าหมายของตัวเอง...กันท้ังสิ้น
เราวิ่งเข้าหาใคร...ก็แสดงว่า
...คนๆนั้น...มีแรงดึงดูดเหนือจิตใจของเรา
ที่ผานมา.. เรามักเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาผู้อื่นอยู่เสมอ
วันนี้.. เราจะให้ผู้อื่นเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาเราบ้าง

การตลาดแบบดึงดูด จุดเปลี่ยนธุรกิจ

ปัญหาของคนทำธุรกิจขายตรง คือยิ่งทำธุรกิจขายตรงเท่าไหร่ไม่มีใครอยากคบหาหรือไม่มีใครอยากเข้าใกล้ รู้ไหมว่าปัญหามันเกิดอะไรขึ้นกับการทำธุรกิจขายตรงของคุณ?
-ถ้าเวลาไปเที่ยวเพื่อน ในกลุ่มเพื่อนคนหนึ่งคุยแต่เรื่องธุรกิจขายตรงให้เพื่อนฟังท่านจะรู้สึกอย่างไร
-ถ้าเวลาเจอหน้าญาตเมื่อไหร่ เป็นต้องแนะนำผลิตภัณฑ์หรือโอกาสทางธุรกิจขายตรงกับท่านท่านชอบหรือไม่
-เพื่อนไม่เคยคุยกันมาเป็นปีๆ โทรมาบอกว่ามีผลิตภัณฑ์มาเสนอ หรือมีโอกาสธุรกิจขายตรงมาเสนอท่านอยากฟังไหม
-เปิดหน้าเวปก็เจอแต่โฆษณาโอกาสทางธุรกิจขายตรงเต็มไปหมดท่านปิดเวปนั้นทิ้งหรือเปล่าล่ะ

อะไรคือสิ่งที่เวิร์คและไม่เวิร์คในการทำธุรกิจขายตรง

คราวนี้พอมองเห็นหรือยังครับว่า การตลาดธุรกิจขายตรงปัจจุบันที่ท่านคิดว่าเวิร์ค ที่ปรึกษาแนะนำให้ท่านทำ ลิสต์รายชื่อคนรู้จัก 100 คน แล้วกระหน่ำโทรหา คุยกับทุกคนบนท้องถนน รีบโทรไปบอกเพื่อนว่าเราทำธุรกิจขายตรงอยู่มาทำกับเราด่วน
แนะนำสิ่งดีๆให้คนใกล้ตัว ใช้ดีแล้วบอกต่อ (คำนี้เขาฮิตกันจัง) ทุ่มเงินลงในเวปเพื่อโปรโมตหรือซื้อรายชื่อมาโทรกันเลย แจกซีดีด้วย กำลังเป็นระบบที่ผลักไสไล่ส่งคนอื่นให้ไปไกลๆจากท่าน น่าตลกมาก ท่านกำลังทำธุรกิจขายตรงที่ต้องการคนเข้ามาร่วมแต่ระบบท่านกำลังไล่คนหนี.... !
นี่ละครับทำไมคนทำธุรกิจขายตรง 99% ไม่ประสบความสำเร็จ ได้น้อยกว่าเสีย สุดท้ายก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์ในการทำธุรกิจขายตรงคือการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ธุรกิจ A H B C ก็จะกลายเป็นของขวัญในความล้มเหลวต่อไปของท่าน คนเดียวกัน ทำงานแบบเดียวกัน ใช้ระบบเหมือนๆกัน ผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างกันมาหรอกครับ แม้คุณจะเริ่มเปลี่ยนบริษัทในธุรกิจขายตรงกี่บริษัทก็ตาม นั่นคือท่านคือ 99 % ของทุกธุรกิจขายตรงที่ท่านเข้าไปร่วมตลอด อะไรคือคำตอบให้ในการทำธุรกิจขายตรงล่ะ
ขอแนะนำ ระบบ Attraction Marketing หรือระบบการตลาดแบบดึงดุด
ในการแก้ปัญหาธุรกิจขายตรง ระบบ Attraction Marketing คืออะไรล่ะ ? มันจะแก้ปัญหาธุรกิจขายตรงได้อย่างไร?
Attraction Marketing ชื่อก็บอกแล้วนะครับว่าเป็นการทำการตลาดแบบดึงดูด ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่าย แล้วท่านต้องการจะดึงดูดอะไรเหรอ...สิ่งเหล่านี้ไงครับ
-การตลาดที่คุณเข้าถึงคนที่ต้องอยู่แล้วไม่ขายเนื้อให้คนกินเจ
แน่นอนเขาต้องการ การคุยกับคนที่ต้องการมันย่อมง่ายกว่า

-การตลาดที่ใช้ระบบอัตโนมัติในการติดตามคนโดยที่ไม่จำเป็นต้องยกหูโทรศัพท์
หรือออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว นี่คือการตลาดในฝันของหลายคน
ในขณะที่หลายธุรกิจไม่เคยอยู่กับบ้านเลย

-การตลาดที่เลือกคนได้ ลองสมมตินะครับ ถ้าคุณได้แต่ผู้นำเข้าร่วม
ในขณะที่หลายๆ ธุรกิจได้แต่คนที่ไม่ใช่ตัวจริงเข้าร่วมสุดท้าย
ทำแป๊ปๆ ไม่เกิดรายได้ก็เลิกไป เพราะเขาไม่เข้าใจธุรกิจ

แล้วมันมีแล้วเหรอระบบการทำงานแบบนี้สำหรับธุรกิจเครือข่าย

แล้วไอเดียนี้มันเกิดจริงเหรอกับธุรกิจเครือข่าย? ถ้ามีจริงก็ดีสิ? ฉันละเหนื่อยกับการโทรตามจิกคน ท้อกับการปฎิเสธของคน

ข่าวดีก็คือ ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว นี่คือจุดเปลี่ยนทางการตลาดเครือข่าย ที่คนเครือข่ายต้องเรียนรู้ในการทำการตลาดต่อไปในอนาคต

เรื่องเล่าประสบการณนักธุรกิจเครือข่าย


เราทุกคน เริ่มธุรกิจเครือข่ายด้วยการ "ลิสต์รายชื่อคนรู้จัก" ใช่ไหมครับน่ันคือ เรากำหนดเป้าหมายไว้ที่การทำงานกับ "คนที่เรารู้จัก" เป็นอันดับแรกแต่เมื่อ เราเริ่มโทรชวนคนที่เรารู้จักเรากลับได้พบว่า.. พวกเราส่วนใหญ่"ชวนคนที่ตัวเองรู้จัก..ไม่ได้เลย"
แถมยังไม่พอ.. "โดนดูถูก" ..อีกด้วย
"เดี๋ยวนี้ มาทำงานประเภทนี้แล้วเหรอ เสียดายความรู้ที่เรียนมา ทำไมไม่ไปทำงานที่ตัวเองถนัดล่ะ"
"งานเครือข่ายอะไรก็ไม่รู้ ระวังโดนหลอกนะ เดี๋ยวนี้พวกต้มตุ๋นมีเยอะ""..ฯลฯ.."
..นี่เป็นสิ่งที่ผมเจอเป็นประจำ สมัยที่พึ่งเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ..ถึงแม้ว่า ผมจะสามารถชวนเพื่อนฝูงคนรู้จัก มาเป็นดาวน์ไลน์ได้บ้าง แต่ดาวน์ไลน์ของผมเหล่าน้ัน ก็ต้องพบเจอปัญหา เมอื่ เริ่มลิสต์รายชื่อ และโทรชวนคนรู้จักของพวกเขาดาวน์ไลน์ของผมหลายคน.. ชวนคนรู้จักไม่ได้เลย...ดาวน์ไลน์ของผมบางคน ขายของเก่งมาก ทำมาครึ่งปี มีรายได้จากการขายเยอะมาก แต่หาดาวน์ไลน์ของตัวเองไม่ได้เลยซักคนสุดท้ายเมื่อมีลูกค้ามากขึ้นก็เริ่มเหนื่อย เพราะมีแต่ “คนช่วยซื้อ” แต่ไม่มี"คนช่วยขาย" พูดง่ายๆว่า สร้างทีมงานดาวน์ไลน์ไม่ได้นั่นเอง...ต้องมีทีมงานดาวน์ไลน์เราถึงจะเรียกตัวเองว่าเป็น นักธุรกิจเครือข่ายถ้าคิดแต่จะขายของด้วยตัวเราเพียงคนเดียว ผมแนะนำให้ไปทำ Single LevelMarketing หรือที่เรียกว่า "ขายตรงชั้นเดียว" ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยจะดีกว่า ได้คอมมิสชั่นจากการขายเป็นกอบเป็นกำกว่า Network Marketing หรือ "ธุรกิจเครือข่าย" เป็นไหนๆ
...แต่เราทำธุรกิจเครือข่ายกันทำไมล่ะครับ…???
ถ้าไม่ใช่เพราะ ต้องการอิสรภาพทางการเงินและเวลาที่เรียกว่า"หยุดทำ แต่รายได้ไม่หยุด" ใช่หรือไม่..!แม้ว่าในสมัยนั้น ธุรกิจเครือข่ายที่ผมทำอยู่จะมีผู้ที่ประสบความสำเร็จ เป็นท้ังคุณหมอ เภสัชกร วิศวกร หรือแม้แต่นักขายประกันชีวิตหันมาเอาดีทางธุรกิจเครือข่าย พวกเขาเหล่านี้ คือ "ภาพความสำเร็จ" ที่ทำให้ผมเชื่อม่ันเป็นอย่างมากว่าธุรกิจนี้สามารถช่วยให้เราบรรลุอิสรภาพที่เราต้องการได้อย่างแท้จริง..
...แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไปไม่ถึงฝันที่ตั้งเอาไว้ เพราะผมเกิดอาการ "ท้อสุดขึด"และ "ล้มเลิกไปก่อน" ….สาเหตุหลักที่ล้มเลิก ก็เพราะ ผมและดาวน์ไลน์ไม่สามารถ "ขยายเครือข่าย" ได้อย่างที่ใจเราหวังเอาไว้น่ะสิครับ
แม้ว่าพวกเราจะมีลูกค้ามากพอสมควร แต่ลูกค้าที่แสนดีเหล่าน้ัน ก็ไม่สนใจที่จะทำธุรกิจร่วมกับเราเลย พวกเขาชอบที่จะเป็นเพียง "ผู้ซื้อ" มากกว่า เราเริ่มรู้สึกว่า.. เครือข่ายของพวกเรา.. เติบโตช้ามาก...
สรุปว่า การขยายเครือข่ายของผม ไปไม่ถึงไหนเลย ผ่านไปปีกว่า ก็ยังทำกันอยู่
ไม่กี่คนนั่นแหละ เงินทุนก็เริ่มร่อยหรอ.. เพราะหมดไปกับการโฆษณา ซึ่งได้ผลกลับมาไม่คุ้มเอาเสียเลย..สุดท้ายพวกเราก็เริ่มท้อและเหนื่อย เนื่องจากถ้าต้องการมีรายได้มากขึ้น ก็ต้องเพิ่มจำนวนลูกค้าให้มากขึ้น และหมายความว่า เราต้องให้เวลากับการดูแลลูกค้ามากขึ้นตามไปด้วย ท้ังการเอาสินค้าไปส่งให้ลูกค้า การแวะไปเยี่ยมเยือนลูกค้า โทรติดตามผล และอื่นๆอีกสารพัด..
การให้เวลากับลูกค้ามากขึ้น ย่อมส่งผลกระทบกับงานประจำของพวกเราแต่ละคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..ในที่สุดดาวน์ไลน์ของผมบางคนก็เริ่มรู้สึกว่า ไม่คุ้ม และเริ่มหายหน้าไปจากทีม
...บางคนก็เริ่มไม่ค่อยรับโทรศัพท์เวลาทผมโทรไปหาซึ่งผม.. เข้าใจครับ…ช่วงเวลานั้น มันเหมือนมีสัญญาณบางอย่างที่พวกเราส่งถึงกันว่า
"เลิกเถอะเพื่อน..เหนื่อยแล้ว"และแล้วในที่สุด พวกเราก็.. แยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของแต่ละคนครับ..!
การเริ่มต้นธุรกิจเครือข่ายที่ดีนั้น ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นกับคนรู้จักเสมอไป แต่ควรเริ่มต้นจากการ "เฟ้นหา" คนที่มีทัศนคติและความมุ่งม่ัน ในแบบเดียวกันกับเราให้เจอและไม่สำคัญว่า เรากับเขา รู้จักกันมาก่อนหรือไม่...ไม่สำคัญเลยครับ...คนที่มีจิตวิญญาณและทัศนคติแบบเดียวกัน จะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วมากเพราะเราต้องการ "เพื่อนที่คิดแบบเดียวกับเราอยู่แล้วครับ
คำแนะนำแรกสุดจากผม ก็คือ"อย่ามัวเสียเวลา..จมอยู่กับรายชื่อคนรู้จัก"แต่จงค้นหา “วิธีการ” ที่จะช่วยให้คุณ "ค้นพบคนที่ใช่" ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดในโลกนี้ก็ตาม การจะทำแบบนั้นได้คุณต้องรู้จักสิ่งนี้ก่อนครับ..ระบบดึงดูดอัตโนมัติ..

ธุรกิจเครือข่ายที่ดีเป็นอย่างไร



ธุรกิจเครือข่ายที่ดี ต้องดูที่ 7 องค์ประกอบของความสำเร็จ

1. บริษัท (Company) บริษัทต้องมีความมั่นคง แข็งแรง ฐานะทางการเงินต้องมั่นคง

2. ผลิตภัณฑ์ (Products) ผลิตภัณฑ์ต้องมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม มีเอกลักษณ์จุดขายเหนือคู่แข่ง

3. แผนธุรกิจ (Plan) แผนรายให้ผลตอบแทนอย่างยุติธรรม และมีรายได้ที่คุ้มค่า มั่งคั่ง

4. แนวโน้ม (Trends) สินค้ามีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในปัจจุบันและอนาคต

5. จังหวะเวลา (Timing) ช่วงเวลาต้องอยู่ในช่วงที่เริ่มต้นไม่นาน และอยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโตอย่างยิ่งยวด

6. ทีมงาน (Team) ผู้นำมีความเป็นมืออาชีพ จริงใจ และช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จได้จริงๆ

7. ทีมผู้บริหาร (Management) ผู้บริหารมืออาชีพ วิสัยทัศน์ก้าวไกล มีประสบการณ์มายาวนานในด้านธุรกิจเครือข่าย

รู้จักกับเครือข่ายผู้บริโภค



MLM (Multilevel Marketing) คือการขยายเครือข่ายผู้บริโภค เพื่อ มุ่งเน้นการคืนกำไรสู่ผู้บริโภค ผ่านแผนการตลาด ที่วิเคราะห์โดยนักการตลาดมืออาชีพ ให้เราแปรรูปจากการเป็นผู้บริโภคธรรมดา มาเป็นได้ถึง 3 สถานภาพ โดยเป็นทั้งลูกค้า ผู้ขาย และ ผู้บริหาร ในคนเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ที่ ผู้ทำ MLM ไม่ได้ขายสินค้าเอง แต่มีรายได้เป็นแสน เป็นล้านบาท เพราะเขาได้ทำการบริหารองค์กร เขาจึงมีรายได้จากการบริหารจำนวนมากต่อเดือน
MLM เป็นระบบการตลาดที่ให้โอกาสในการประสบความสำเร็จแก่ทุกคนเท่าเทียมกัน โดย ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร และใครเข้ามาก่อนหรือใครเข้ามาที่หลัง เป็นการเปิดโอกาสให้คุณสามารถทำธุรกิจได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ลองศึกษาแผนการตลาดของเราให้ดีเถอะครับ จะได้ไม่ต้องเสียโอกาสดี ๆ ถ้าบริษัทดี แผนการตลาดดีตรงใจคุณ

ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา ได้มี “พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง” ขึ้นมา โดยกำหนดไว้ว่า บริษัทที่จะทำธุรกิจในระบบเครือข่าย (MLM) ต้องยื่นจดทะเบียนกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ถ้าหากบริษัทใดที่สามารถผ่านขั้นตอนการตรวจสอบจาก สคบ. และได้การรับรอง ก็ถือได้ว่ามีความน่าเชื่อถือ และมั่นคงเพียงพอ เนื่องจากการยื่นขอ สคบ. นั้นยากมาก และมีขั้นตอนการตรวจสอบ อย่างถี่ถ้วน เพราะทาง สคบ. จะตรวจสอบ ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคงทางการเงิน และ แผนการตลาดของบริษัทว่ามีความสามารถ จ่ายผลตอบแทนได้จริงตามที่ตกลงกับสมาชิกหรือไม่ และเมื่อได้รับ สคบ. แล้วจะไม่สามารถปิดตัวเอง หรือเลิกกิจการได้ง่ายๆ หากเกิดเหตุที่บริษัทไม่สามารถจ่ายเงินตอบแทนให้สมาชิกได้ สคบ. จะดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ ให้กับสมาชิกจนถึงที่สุด ทั้งนี้ทางบริษัทได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
และ ผ่านการรับรองจาก “ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ” หรือ สคบ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำเนาเอกสารการจดทะเบียน ท่านจะได้รับพร้อมกับชุดการดำเนินธุรกิจ หลังจากท่านสมัครเป็นสมาชิกเข้าร่วมโครงการฯ

วิธีสังเกตุและแยก MLM ออกจากลูกโซ่ที่ง่ายที่สุด ก็คือ ให้ดูว่าธุรกิจเครือข่ายนั้นๆ ได้จดทะเบียนกับ สคบ. เรียบร้อยหรือยัง ถ้า เป็นลูกโซ่ จะไม่สามารถได้รับ การรับรองจาก สคบ.เพราะการตรวจสอบจะเป็นไปโดยละเอียด ว่าแผนการตลาดนั้น ๆ มีแนวโน้มไปในด้านการระดมทุน หรือลูกโซ่ (ปิรามิด) หรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่มักจะยังสับสน และเกิดความเข้าใจผิดว่าการตลาดแบบเครือข่ายนั้น เหมือนกันกับลูกโซ่หรือปิรามิด ซึ่งในความจริงแล้วแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในหลาย ๆ ด้าน เช่น การตลาดแบบเครือข่ายจะมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพสินค้าที่สมราคา และจะไม่มีการยุแหย่ให้สมาชิกลงหุ้นเพิ่มเติม หรือเพิ่มทุนซึ่งต้องใช้เงินจำนวนหลักหมื่นหรือหลักแสนบาท ซึ่งแตกต่างจากลูกโซ่หรือปิรามิด ที่ ส่วนใหญ่จะกระทำในลักษณะ การนำสินค้าคุณภาพต่ำมาจำหน่ายในราคาสูง เพื่อการระดมเงินลงทุน โดยเริ่มจากน้อยและค่อย ๆ หว่านล้อมให้สมาชิกนำเงินมาลงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยนำผลตอบแทนในเบื้องต้น เป็นตัวล่อเพื่อดึงดูดใจ และดูดเงินลงทุนจากสมาชิกเพิ่มมากขึ้นในลักษณะการเพิ่มทุน จึงขอเตือนทุกท่านให้ ระวัง!! บริษัทที่มีพฤติกรรมดังกล่าวซึ่งปัจจุบันมักแฝงมาในรูปแบบต่าง ๆ และถือเป็นกาฝากที่ทำให้ระบบการตลาดดี ๆ อย่างระบบเครือข่ายได้รับความกระทบกระเทือน เพราะต้องสูญเสียความมั่นใจจากคนทั่วไป เนื่องจากการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการทำงานในรูปแบบเดียวกัน

รู้จักผมก่อนนะ





สวัสดีครับ ผมชื่อ โอฬาร โรจนวิชัย เป็นคน จ.ฉะเชิงเทรา เพราะด้วยทาง พ่อ และ แม่ ผม มาทำงานที่เป็นลูกจ้างที่ กทม จึงได้มีโอกาสมาอาศัย เรียนอยู่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก จนจบการศึกษา ป ตรี ทางด้าน วิศวกร อิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันก็ ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน แห่งหนึ่ง ในตำแหน่ง PROJECT SALES ENGINEER
ในอดีตหลังจากเรียนจบ ม.3 ผมก็ชอบเป็นคนหนึ่งที่มักหารายได้เพิ่ม ทำยามว่างช่วง ปิดเทอม เช่น พนักงานขายสินค้ายืนตามห้างทั้งวัน ด้วยเพราะทางญาติทำงานอยู่ จึงแนะนำให้ไปทำก็สนุกดีครับ เพื่อนๆเยอะเลย จนมาขายสินค้าวางแผงมือสองแถวท่าพระจันทร์ก็คือเอาของที่บ้านที่ไม่ใช้มาขายบ้างพอมีทุนหน่อยก็หาจับของแถวนั้นมาขายอีกที่ แต่ไม่เคยขโมยมานะครับ หรือจะเป็นเด็กฝึกงานที่อู่ซ่อมรถ ขับมอไซรับจ้าง พนักงานส่งอาหาร KFC ด้วยเหตุผลเพราะ ทางบ้านไม่ค่อยมีตังให้ใช้เท่าไร จึงอยากหาเองมากกว่า เพื่อซื้อของใช้ส่วนตัว บ้าง กิน เที่ยว เล่นเกมส์ ตามประสาเด็กๆตามเพื่อน หลังจากเรียนจบการ ศึกษา ปวส ผมไม่ได้ตัดสินใจเรียนต่อ ป.ตรี ทันทีเพราะ ไม่ต้องการเป็นภาระของทางบ้าน เพราะถ้าเรียนต่อ ปตรี ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นจึง เริ่มหางานทำเลย จนได้มาทำ เป็นช่างเทคนิคและบริการ รวมระยะเวลา 6 ปี ตลอดระยะเวลาผมก็คิดเสมอว่าถ้าเราได้เรียนจบสูงกว่านี้ เชื่อว่าจะมีโอกาสทางหน้าที่ การงาน เงินเดือน สูงขึ้น กับ บริษัทที่มั่นคง เมื่อทุกอย่างโอเค ผม จึงได้ไปสมัครเรียนต่อ โดยใช้เวลาช่วงเย็นหลังเลิกงาน จนสำเร็จ
ผมมีความเชื่ออีกอย่างครับว่า อาชีพ วิศวกร หรือ เกี่ยวกับ ฝ่ายขายจะเป็นอาชีพที่จะสามารถพาเราไปถึงฝันและเป้าหมายได้ หลังจาก ทำงานมาเป็นเวลา 5 ปีพบว่ายังไม่สามารถได้ในสิ่งที่เราต้องการแม้ว่าจะได้เป็นตำแหน่ง SALES SUPERVISOR ก็ตามแต่สิ่งที่ตามมาคือ ความเครียดและการทำงานที่หนักมากยิ่งขึ้น ยอดขายก็ ขึ้นๆลงๆ ปัญหามากมายที่เราควบคุมมันไม่ได้ อาชีพเซลก็ต้องแขวนอยู่กับยอดขายเดือนใหนดีก้อรอดไปรายเดือน บางครั้ง ทำให้เรารู้สึกว่างานที่เราทำอยู่ไม่ได้มีความมั่นคงอย่างที่เราคิด ในช่วงเวลาเดียวกัน ผมกับไดไปเจอ เพื่อนสมัยเด็กที่เคย เที่ยวมาด้วยกัน มาเปิดโอกาสเล่าเรื่องธุรกิจ ที่เรียกว่า MLM ของบริษัทที่มีชื่อเสียงอันดับท็อปโฟร์ในเมืองไทย แห่งหนึ่ง แต่ในตอนแรกคิดว่าเป็นแค่งานขายของ และไม่เคยเห็นใครสำเร็จในธุรกิจนี้เลยแต่เมื่อฟังอย่างละเอียด จึงเริ่มเข้าใจว่านี่เป็นโอกาสหนึ่งในการสร้างรายได้ที่ไม่มีขีดจำกัดให้เราได้ จึงตัดสินใจและเข้าไปเรียน รู้ในคอร์สต่างๆที่ทางบริษัทจัดขึ้นซึ่งทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า ธุรกิจ MLM ไม่ได้เหมือนธุรกิจอื่นที่เราคิด จากนั้นก็ลงมือทำธุรกิจอย่างจริงจัง เราจัดเวลาหลังเลิกงานประจำ และวันหยุดทำควบคู่อย่างตั้งใจและต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าการเรียนรู้ที่มากพอ จะทำให้เราเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้งและย่อขนาดของปัญหา และทักษะความชำนาญของเราก็ย่อมเกิดจากเกิดจากการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง แต่ผลที่ใด้ก็ถือว่ายังไม่สำเร็จเท่าที่ควร และรู้สึกเหนื่อย กับวิธีการแบบที่ผู้นำ หรือ อัพไลน์ ถ่ายทอดให้เรานั่นคือ
-ลิสต์รายชื่อ ไล่ล่าเอาคนที่ใกล้ตัวเรา เชื่อถือเราเกรงใจเรา
-เขียนแผนรายได้; แนะนำสาธิตสินค้าให้ดีเพื่อ (ขาย)กับคนรู้จัก
-การโทรนัดหมายโทรจิก ตามลิสต์รายชื่อ
-ชวนญาติ พี่น้องและคนรู้จักเพื่อเข้าร่วมธุรกิจ
-ชวนคนข้างบ้านเข้าประชุมตามโรงแรม,และตบท้ายด้วย After Meeting.และออกเสียงดังๆสร้างพลัง
เหล่านี้ที่อยู่ในสิ่งที่เราคิดว่า ต้องทำมันถึงจะประสบความสำเร็จได้
บางครั้งเคยตั้งคำถามกับตัวเองครับว่า มันไม่น่ายากขนาดนี้ มันน่าจะมีวิธีการที่ง่ายกว่านี้ โชคดีที่ผมพอจะใช้ INTERNET หรือว่า GOOGLE เป็น ผมจึงได้ค้นหาคำตอบนี้และลอง หาข้อมูล มาเป็นเวลา 1 ปี จนสุดท้ายผมได้เรียนรู้วิธีการทำการตลาดจากนักธุรกิจ เอมสตาร์ ท่านหนึ่ง ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่ตัวเองด้วยวิธีที่ไม่เหมือนกับที่ผมเคยทำ โดยมีรายได้ เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทเลยทีเดียว
เขาบอกว่า วิธีการสร้างรายได้เหล่านี้ ไม่เคยถูกสอนในห้องประชุม ไม่เคยถูกสอนในมหาลัย ไม่เคยแม้แต่จะถูกสอนในธุรกิจเครือข่ายของบ้านเรา คุณจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อได้เรียนรู้จาก ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ ไม่เช่นนั้นคุณจะเหมือนหลงทางจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะเริ่มตรงใหนดี
จนผมได้มารู้จักเครื่องมือที่ชื่อ E-LEADER GROUP ซึ่งผมได้ค้นพบอะไรหลายๆอย่างที่ไม่คาดคิด จาก คอร์สเวิร์คช็อบออนไลน์ที่ส่งมาให้ผมอ่านทุกๆวัน และผมจึงมีความเชื่อมั่นว่าการทำธุรกิจออนไลน์ แบบมืออาชีพของจริงนั้นจะช่วยให้ผมประสบความสำเร็จไม่มากก็น้อย และไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงอีกต่อไป

ผมต้องการให้คุณท้าพิสูจน์ความจริงทั้งหมดในคอร์สทั้งหมดและลงชื่ออีเมล์ด้านล่าง เหมือนกับ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มา นั่นก็คือ
-ถ้าคุณทำธุรกิจถูกต้อง คุณไม่ต้องไปชวนใคร
-ถ้าคุณทำธุรกิจถูกต้อง คุณไม่ต้องออกไปขายของ
-ถ้าคุณทำธุรกิจถูกต้อง ระบบจะทำงานให้คุณเอง
-ถ้าคุณทำธุรกิจถูกต้อง คุณไม่ต้องไปชวนเขา เขาจะเชื่อมั่นมาขอสมัครกับคุณเอง

หากคุณต้องการทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขและประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายง่ายขึ้น และไม่ต้องสร้างรอยร้าว เพื่อนๆหรือญาติพี่น้อง คุณก็ควรเรียนรู้วิธีการทำตลาดในแบบที่นักธุรกิจ ออนไลน์มืออาชีพ ที่ชื่อ E-LEADER ครับ

สวัสดีครับ